|
KWM ลุุยพัฒนาเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา สมุนไพร รุ่น 2 เตรียมส่งมอบลูกค้าปลายปีนี้ 10 เครื่อง แย้มมีดีลอยู่ระหว่างเจรจาอีก 10 ราย พร้อมจับมือพันธมิตรลุยธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ หนุนการเติบต่อเนื่อง จากปีนี้คาดรายได้โต 40% รับดีมานต์เครื่องจักรทางการเกษตรสดใส
นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา รวมถึงพืชสมุนไพรว่า ปัจจุบันได้พัฒนาเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่2 ภายใต้รูปแบบการสกัด Supercritical CO2 Extraction (ในกลุ่มธรุกิจ SOIL - OIL – EXTRACTION ) เครื่องสกัดสัญชาติไทยที่เปรียบเท่าเครื่องสกัดจากต่างประเทศ โดยใช้ระยะเวลาในการสกัด 4 - 6 ชั่วโมง และสารสกัดต่างๆที่ออกมามีคุณภาพสูง รวมถึงยังสามารถนำมาใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ ประเภทคอสเมติก ได้เลยทันที
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับ บริษัท เศวตวรวรรณอินเตอร์เนชั่นแนลเทรดแอนด์คอนเซาท์แทน จำกัด เพื่อนําเทคโนโลยีการสกัดแบบ Supercritical CO2 ด้วยเครื่อง KWM EXTRACTOR 2.0 ไปใช้ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตการสกัด ภายใต้ความร่วมมือกับคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ซึ่งจะมีการส่งมอบเครื่องสกัดภายในไตรมาส4/64 และในอนาคตจะมีสัญญาเครื่องสกัดเพิ่มเติม ภายในโครงการปลูกระดับ commercial scale ซึ่งความร่วมมือนี้เป็นการยกระดับคุณภาพสารสกัดกัญชง-กัญชา ในประเทศไทย ให้ทัดเทียมสากล และสามารถต่อยอดสู่สารสกัดสมุนไพรไทยตัวอื่นๆในอนาคต
“ภายในไตรมาส 4/64 บริษัทฯเตรียมส่งมอบเครื่องสกัดให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ 10 เครื่องตามแผนที่วางไว้ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มลูกค้ารายใหม่อีกว่า 10 ราย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้”
นอกจากนี้บริษัทได้ขยายการลงทุน โดยแตกไลน์ธุรกิจให้สอดรับเครื่องสกัด โดยบริษัท เคดับบลิวเอ็ม แคนนาบิเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มุ่งเน้นให้บริการในการรับสกัดกัญชง และกัญชา (Cannabis) , บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด ซึ่ง KWM ถือหุ้น 51% ดำเนินธุรกิจสกัดและผลิตเครื่องสำอางและสกินแคร์ และ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด ซึ่ง KWM ถือหุ้น 51 % เน้นดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพร รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพรไทย ปัจจุบันได้ดำเนินการการจัดตั้งบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าเริ่มเข้าสู่กระบวนการการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ตามแผนที่วางไว้
จากแผนกลยุทธ์ในการแตกไลน์ธุรกิจ ภายใต้การดึงคู่ค้าร่วมเป็นพันธมิตรถือว่าเป็นการสร้าง Strategic Partner ร่วมกัน โดยนำจุดแข็งของแต่ละบริษัทมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำโดยการนำนวัตกรรมอุตสาหกรรมเกษตรจากดินสู่สารสกัด ภายใต้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
ด้านนางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ KWM กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 40% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 355.06 ล้านบาท จากภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรในช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง รับความต้องการใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตร ที่เพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลให้บริษัทฯต้องใช้กำลังการผลิตสูงถึง 80% จากก่อนหน้านี้ใช้กำลังผลิตอยู่ราว 50% และจากอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคการเกษตรทั้งการเพาะปลูก รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรขยายการผลิตเพิ่มขึ้นตาม
โดยคาคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3/64 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของบริษัทฯ แต่พบว่ายอดขาย ในช่วง 2 เดือนที่ผ่าน เติบโตโดดเด่น และคาดส่งผลเชิงบวกต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4/64
นอกจากนี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่ในระบบออโตเมชั่น ลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/265 นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนในคลังสินค้าเพื่อรองรับความต้องการสินค้าช่วงไฮซีซั่น ที่มีความต้องการสินค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65
|
